เรื่องราวของ “เชอริล แบรดชอว์” สาวโสดผู้เข้าร่วมรายการหาคู่สุดฮิตในยุค 1970s อย่าง The Dating Game ทำให้เธอได้พบกับ “รอดนีย์ อัลคาลา” หนุ่มโสดผู้มีเสน่ห์หมายเลข 3 ที่ทั้งหล่อและคารมดี แต่เบื้องหลังของเสน่ห์นี้กลับเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว เพราะรอดนีย์คือฆาตกรต่อเนื่องผู้ล่าล้างเหยื่อที่แท้จริง
ความน่าสนใจของหนัง
“แอนนา เคนดริก” นักแสดงสาวผู้ผันตัวมากำกับภาพยนตร์เป็นครั้งแรกใน Woman of the Hour นำเสนอประเด็นสยองขวัญที่มาจากเรื่องจริงของฆาตกรต่อเนื่องที่ถูกเชื่อมโยงกับรายการหาคู่ของโทรทัศน์ โดยงานนี้เธอไม่เพียงแต่กำกับ แต่ยังแสดงนำเป็น “เชอริล” เองด้วย ผลงานชิ้นนี้เป็นการก้าวเข้ามาในวงการกำกับหนังครั้งแรกของเธอที่น่าจับตามอง ในแง่การเล่าเรื่อง หนังสร้างบรรยากาศความกดดันและอึดอัดได้อย่างน่าสนใจ แม้จะไม่ได้ใช้ความรุนแรงหรือคราบเลือดเป็นตัวกระตุ้น แต่การถ่ายทอดความกลัวออกมาผ่านสายตาและบทสนทนา ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความน่าสะพรึงในทุกฉาก
การแสดงที่โดดเด่น
ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า แอนนา เคนดริก รับบทบาททั้งนักแสดงและผู้กำกับได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะในฉากที่เธอต้องเผชิญหน้ากับรอดนีย์ ฉากเหล่านี้เต็มไปด้วยความกดดันที่ส่งผ่านสายตาและอารมณ์ที่ชวนอึดอัด เธอถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครได้ลึกซึ้งและชวนให้ผู้ชมรู้สึกอินไปกับเธอ ขณะที่ “แดเนียล โซวัตโต” ที่รับบทเป็น รอดนีย์ อัลคาลา แม้ว่าจะมีการแสดงที่น่าประทับใจ แต่บางช่วงยังดูเหมือนขาดความเข้มข้นไปบ้าง อย่างไรก็ตาม นักแสดงสมทบอย่าง “ออทัม เบสต์” กลับเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะความสดใสและเสน่ห์ที่ส่งผ่านบทบาทของเธอ ทำให้มีศักยภาพในการพัฒนาต่อยอดไปอีก
จุดเด่นของการกำกับ
แอนนาทำให้เราเห็นมุมมองใหม่ ๆ ของหนังแนวสยองขวัญ โดยการเล่าเรื่องจากสายตาของผู้หญิง ที่มีทั้งความรู้สึกเห็นใจและความโกรธเคืองที่แฝงอยู่ในหนัง การนำเสนอเรื่องราวของฆาตกรต่อเนื่องในรูปแบบที่ต่างจากภาพยนตร์แนวเดียวกันทั่วไป เพราะไม่ได้เน้นไปที่ความโหดเหี้ยมของฆาตกรเพียงอย่างเดียว แต่ยังสะท้อนถึงการล่อลวงและการใช้เสน่ห์ที่ดูเหมือนไร้เดียงสาเพื่อเข้าถึงเหยื่อ การออกแบบบรรยากาศของหนัง โดยเฉพาะการใช้แสงและเงา เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ทำให้หนังเรื่องนี้มีความน่าดึงดูด การออกแบบฉากและเครื่องแต่งกายยังช่วยย้ำถึงยุค 70s ที่โดดเด่น โดยไม่ลืมใส่ลูกเล่นที่ทำให้ผู้ชมได้เห็นการเปรียบเทียบระหว่างการแสดงบนจอกับชีวิตจริงของตัวละคร
จุดอ่อนที่น่าพัฒนา
ถึงแม้ว่า Woman of the Hour จะเป็นผลงานที่น่าสนใจ แต่ในแง่ของการเขียนบทก็ยังมีบางส่วนที่ขาดความเฉียบคม บทของหนังบางครั้งดูเหมือนจะพยายามเล่นซับซ้อน แต่การเล่าเรื่องกลับยังไม่คมพอในการดึงดูดผู้ชมบางช่วงบางตอนไปอย่างน่าเสียดาย การเล่าเรื่องสลับไปมาระหว่างชีวิตของฆาตกรและรายการเกมโชว์หาคู่ ยังดูขาดน้ำหนักในการเชื่อมโยงบางจุด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงให้ความรู้สึกที่น่าติดตาม ในด้านการตัดต่อ แม้ว่าหนังจะมีความยาวไม่มากเพียง 90 นาที แต่ก็ยังดูเหมือนมีจังหวะบางช่วงที่ทำให้รู้สึกเลื่อนลอย การลำดับฉากบางครั้งดูขาดความต่อเนื่อง แต่สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้หนังเสียจังหวะมากนัก เพราะยังคงความน่าสนใจในส่วนอื่น ๆ ของเรื่อง
บทสรุป
Woman of the Hour เป็นผลงานการกำกับครั้งแรกของแอนนา เคนดริก ที่ถึงแม้จะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเธอทั้งในฐานะนักแสดงและผู้กำกับ ผลงานชิ้นนี้สะท้อนมุมมองเกี่ยวกับความไม่ปลอดภัยของผู้หญิงในสังคมและการล่อลวงในรูปแบบต่าง ๆ ที่แฝงอยู่ในความบันเทิง การกำกับของแอนนาและการแสดงที่เข้มข้นของเธอทำให้หนังเรื่องนี้มีความน่าสนใจ แม้จะมีจุดอ่อนในบทและการลำดับเรื่อง แต่หนังยังคงมีพลังในการสื่อสารและทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความสะพรึงกลัวที่แฝงตัวอยู่ในความเป็นมนุษย์ที่ดูไร้พิษสง
- แอนนา เคนดริก กับผลงานกำกับครั้งแรก
- การแสดงที่น่าทึ่งในบทบาทซับซ้อน
- เรื่องราวที่สะท้อนความน่ากลัวของเสน่ห์หลอกลวง
- การออกแบบบรรยากาศที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกอึดอัดและกดดัน
Woman of the Hour ถือเป็นผลงานที่น่าติดตาม โดยเฉพาะถ้าคุณชื่นชอบหนังที่เล่าเรื่องจากมุมมองของผู้หญิง และต้องการเห็นวิสัยทัศน์ใหม่ ๆ ของผู้กำกับสาวไฟแรงอย่างแอนนา เคนดริก.
รับชมตัวอย่างหนัง
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง
- ผู้เขียนบทภาพยนตร์: เอียน แมคโดนัลด์
- นักแสดงนำ: แอนนา เคนดริก, แดเนียล โซวัตโต, โทนี เฮล, นิโคลเล็ต โรบินสัน
- แนว/ประเภท: ดราม่า / เขย่าขวัญ
- เรท: ไม่ระบุ
- ความยาว: 95 นาที
- ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: ไม่ระบุ
- วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 17 ตุลาคม 2024
ติดตามรีวิวหนัง : รีวิวหนัง
ติดตามรีวิวซีรีย์ : รีวิวซีรีย์
ติดตามรีวิวหนังการ์ตูน : หนังการ์ตูน
ติดตามรีวิวหนังจีน : รีวิวหนังจีน
ติดตามรีวิวหนังไทย : รีวิวหนังไทย
ติดตามหนังน่าดูตอนนี้ : หนังน่าดูตอนนี้
อ่านรีวิวอื่นๆ : https://spoymovie.com/
รีวิวอื่นๆ : https://spoymovie.com/